วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผญาเกี้ยวสาว (จีบสาวแบบโบราณ)

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ... 

อิจฉาตาร้อนคุณค่าของผญาเกี้ยว มุ่งกล่าวทักทาย เกี้ยวพาราสีของหนุ่มสาว ชายหญิง ท่านผู้รู้ได้วิเคราะห์ถึงคุณค่าของผญาเกี้ยวไว้หลายประการ ดังนี้   มุ่งกล่าวกิจธุระ ในโอกาสได้พบปะพูดคุย ถามไถ่ข่าวคราว เช่น

เด็กชายชาย : อ้ายนี้ปรารถนาห้อยนำฮอยทุกบาดย่าง ปรารถนาหยาดน้ำนำเจ้าทุกห่มโพธิ์

(พี่ปรารถนาจะร่วมเรียงเคียงหมอนกับน้อง)

เด็กชายชาย : อ้ายนี้ย่านแต่น้องเก็บดอกว่านบ้านเพิ่นมาบาน คือสิบ่พายทอเก็บดอกกะเจียวฮิมฮั้ว

(พี่กลัวน้องจะไปรักชายบ้านไกล ไม่สนใจชายบ้านใกล้เรือนเคียง)

เด็กชายชาย : เจ้าผู้บุปผาสร้อย สุคนธาเหยกลิ่น เก้าแม่น้ำ สิบแม่น้ำ หอมกุ้มฮอดพี่ซาย

พี่จั่งบู๋ดงดั้น ประสงค์ดันมาใส่ ใจประสงค์อยากฮู้ นางน้องอยู่จั่งใด๋

(พี่ได้ข่าวว่าน้องเป็นคนดี มีชื่อเสียงโด่งดัง จึงได้มาหา อยากทราบข่าวคราวว่าน้อง

สบายดีมีความสุขอย่างไร)

เด็กชายชาย : โอนอน้องเอย อ้ายบ่มีต้นกล้วยจั่งได้เที่ยวหาตอง มันบ่มีพอสองจั่งได้มาเวียนน้อง

(พี่ประสงค์จะมาเยี่ยมเยียนถามข่าวคราว)

เด็กหญิงหญิง : โอนออ้ายเอย น้องหากปองหมายอ้ายคือกระต่ายหมายจันทร์ ความฮักมาพัวพัน

คือสิฮักกันกับอ้าย น้องบ่มีผัวซ้อนนอนนำจั๋กเทื่อ เปรียบดั่งเฮืออยู่ค้างพายสิจ้ำแม่นบ่มี

(น้องหมายปองพี่เหมือนกระต่ายหมายจันทร์ น้องยังไม่ได้แต่งงาน)

เด็กหญิงหญิง : โอนออ้ายเอย น้องเว้าจริงแท้ สิบซาดน้องขอปอง คันบ่ได้ปองเมืองคน น้องสิปอง

เมืองฟ้า บ่ได้แก้วอุ่นหล้า มาซ้อนแม่นบ่ยอม

(น้องพูดคำจริง ขอหมายปองพี่ทุกชาติไป)

เด็กหญิงหญิง : อ้ายเอย น้องนี้ผัดแต่เป็นแม่น้ำชลธารยาวย่าน ยังบ่มีพ่อค้าเทียวขึ้นล่องลง

(น้องยังบริสุทธิ์ ไม่เคยมีชายใดมาแวะเวียน)

กล่าวสงสัยเคลือบแคลง

เด็กชายชาย : แม่นบ้อ ต้นไม้ใหญ่บ่มีผี สาวผู้ดีบ่มีซู้ธรณีสิอกแตก ตาแฮกบ่กินไก่ต้ม

สิงมเลี้ยงอยู่เฮ็ดหยัง

(ไม่เชื่อว่าต้นไม้ใหญ่ไม่มีผี สาวสวยไม่มีชายมาเกี้ยว)

เด็กชายชาย : แม่นบ้อ ต้นไม้ใหญ่บ่มีผี สาวผู้ดีบ่มีซู้ ตนอ้ายบ่เซื่อคน

(ไม่เชื่อว่าต้นไม้ใหญ่ไม่มีผี สาวสวยไม่มีชายมาเกี้ยว)

เด็กชายชาย : ต้นไม้ใหญ่บ่มีผี สาวผู้ดีบ่มีซู้ ฟ้าบ่ผ่าตายฤา ไผห่อนซ่าว่าเครือเขืองบ่เกี้ยวไม้

ผู้ใดน้อสิเซื่อฟัง

(ไม่เชื่อว่าต้นไม้ใหญ่ไม่มีผี สาวสวยไม่มีชายมาเกี้ยว)

เด็กชายชาย : อ้ายนี้ย่านแต่น้องตี๋แถลงลิ้น ฝนตกรินคะลาดมื่น นั้นเด ย่านแต่พะลาดล้ม

เดือนห้าก่อนฝน

(กลัวแต่น้องพูดไม่จริง แกล้งพูดให้หลงเชื่อ)

เด็กชายชาย : ว่าบ่มีเครือเกี้ยวสังมาเป็นยามย่าง สองขอกข้างเป็นปุ้มดั่งมดแดง

(ถ้ายังไม่แต่งงานทำไมมีลูกเต็มบ้าน)

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

เด็กชายชาย : ว่าบ่มีเครือเกี้ยวสังมาเป็นยามย่าง สองขอกข้างปานปุ้มบักบวบลอย แท้นอ

(ถ้ายังไม่แต่งงานทำไมมีลูกเต็มบ้าน)

เด็กหญิงหญิง : ความปากเป็นไหล ๆ ความใจเป็นเลี้ยว ๆ ฝังเกี่ยวไว้ในหั่นหมื่นดวง

(คำพูดเลื่อนลอย เชื่อถือไม่ได้)

เด็กหญิงหญิง : สังมาเว้า ฮ้อยลิ้นปิ่นปากปูนแถลง พี่สังมายอคำหวานหว่านนางพอส้ม บ่แม่นหัวใจขม

ปานหน่อง ทางในขมเฝื่อน สังมาเวียนหลอกล่อลวงน้องอยู่บ่วาย แท้นอ

(อย่ามาคารมปากหวาน หลอกลวงให้หลงเชื่อ)

สาวขี้เล่นหญิง : โอนออ้ายเอย บ่แม่นตี๋แถลงเว้า จับเคาควายไผมาผูก บัดท่าตกลูกแล้ว

ควายน้อยสิแล่นนำแม่มันแล้ว

(อย่ามาแกล้งพูดเลย อีกหน่อยลูกจะวิ่งตามให้เห็น)

สาวขี้เล่นหญิง : โอนออ้ายเอย บ่แม่นตี๋แถลงเว้าเอาเสาลงใส่หลุมสื่อ ๆ บ้อ บ่แม่นตั๋วหลอกล่อ

ให้หมาน้อยเหยียบไฟ

(อย่ามาหลอกให้หลงเชื่อ ให้หมาน้อยเหยียบไฟ)

สาวขี้เล่นหญิง : อ้ายเอย อย่ามาตี๋แถลงเย้ย บ่แม่นเกยเฮือนต่อ อย่ามาตั๋วหลอกล่อ พอให้น้อง

ป่วงละเมอ

(อย่ามาแกล้งพูดเล่นหยอกเอินให้น้องหลงคารม)

การกล่าวเปรียบเปรย

เด็กชายชาย : กกบ่เตื้อง สังตีงตายตั้งแต่หง่า หง่าบ่เตื้องสังมาเหลื่องตั้งแต่ใบ

(ต้นตอไม่กระดิก แต่กิ่งก้านใบกลับเคลื่อนไหว)

เด็กชายชาย : ความผญาอ้ายเต็มโกนบักหอยเดื่อ ถิ่มใส่น้ำกะเหลือ ถิ่มใส่เฮือกะล้น

ถิ่มใส่ต้นดอกไม้หอมกุ้มอยู่สู่ยาม

(คำผญาของพี่มีมากล้นเหลือ)

เด็กชายชาย : โอนอน้องเอย อ้ายนี้เปรียบดั่งผักหมเหี้ยน กลางทางอย่าฟ้าวเหยียบย่ำ

บาดห่าถอดยอดขาว บาดห่าทาวยอดขึ้นยังสิได้ก่ายเกิน

(เห็นพี่เป็นผักโขมอย่าเพิ่งเหยียบย่ำ เผื่อทอดยอดใหม่แล้วอาจจะเป็นประโยชน์ได้)

เด็กชายชาย : เจ้าผู้ฟืมซาวห้าขันดีเนื้อถี่ ๆ อ้ายอยากมีด้ายให้น้องต่ำทอ เจ้าสิพอใจอ้าย

ตนชายแสวงใส่ แน่บ้อ หือสิตี๋ว่าด้ายบ่ใส หือว่าไหมบ่ย้อม บ่ยอมให้ใส่ฟืม

(น้องคนดีจะยอมรับพี่ได้หรือไม่ หรือตำหนิว่าพี่ไม่ดีพอไม่เหมาะสม)

หญิง : โอนออ้ายเอย น้องนี้ฟืมซาวห้าประสงค์หาไหมยอด

(น้องเองประสงค์ผู้ชายที่ดี)

เด็กหญิงหญิง : โอนออ้ายเอย น้องนี้เปรียบดั่งไซหลังหล้า บ่หมานปลานำเพิ่น ยามฝนถืกแต่น้ำ

ยามแล้งถืกแต่ลม

(น้องเปรียบเหมือนไซหลังสุดท้ายไม่ค่อยได้ปลากับเขา หน้าฝนถูกน้ำ หน้าแล้ง

ถูกลม)กล่าวโปกฮา

เด็กชายชาย : โอนอน้องเอย อ้ายนี้คือดั่งลิงบักเฒ่ากลางดงโก้กกิกก้าก วอกแวกเว้าสิสมเจ้า

แม่นตะหลุง บ่นอ

(พี่นี้เปรียบเหมือนลิงแก่ คงไม่เหมาะสมกับน้อง)

เด็กชายชาย : อ้ายนี่เปรียบดั่งควายบักเลเฒ่า ฮากหยั่งบ่เถิงดิน ลอยเวินไปเวินมาบ่มีเกลือจ้ำ

(พี่นี้เปรียบเหมือนควายแก่ ๆ ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว)

เด็กชายชาย : ลุกถ่อนหล้า นอนหลายหลังสิเปื่อย มันสิเปื่อยใส่สาด มันสิเป้ใส่กระดาน

(ตื่นเถิดน้อง นอนมากไม่ดี)

เด็กชายชาย : ลุกถ่อนหล้ามาเบิ่งลิงไทบ้านพี่ มาเบิ่งวอกแวกเต้น ลิงเล่นบักตำแย

(ตื่นเถิดน้องตื่นมาดูลิงเล่นหมามุ่ย)

ชาย : อ้ายนี้ทุกข์ยากไฮ้ กินไก่ต่างอาหาร ทุกข์บ่มีเฮือนซาน ได้อยู่ตึกสองซั้น

(พี่นี้ยากจน กินไก่ต่างอาหาร ไม่มีบ้านช่องแต่อยู่บนตึกสองชั้น)

ชาย : อ้ายนี้ทุกข์ยากฮ้าย ปากก่ำกินมันหมก คันบ่กินหมกมันปากบ่ดำปานนี้

(พี่ยากจนจึงได้กินจนปากมอมแมม)

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

                                             กุหลาบแดงกล่าวคำมั่นสัญญากุหลาบแดง

เด็กชายชาย : สัจจาผู้ชายนี้คือหินหนักหมื่น ถิ่มใส่น้ำจมหมิ่งแม่นบ่ฟู

(คำพูดของชายหนักแน่นมั่นคง)

เด็กชายชาย : ซายตั๋วน้อง ให้ซายตายเป็นควายบักเลเฒ่า ไถนาอยู่กุ่น ๆ

(ถ้าพี่โกหกขอให้เป็นควายแก่ ๆ ไถนาอยู่ตลอดไป)

เด็กชายชาย : คันบ่แม่นอ้ายบ่ยิง คันบ่จริงอ้ายบ่เว้า คันบ่เอาอ้ายบ่ว่า บ่แม่นท่าอ้ายบ่ไล่ควายลง ดอกนา

(พี่เป็นคนพูดจริงทำจริง)

เด็กชายชาย : ปากว่าจั่งใด๋ใจว่าจั่งซั่น ปากว่าแล้วมายม้างออกบ่เป็น

(พี่เป็นคนพูดจริงทำจริง)

เด็กชายชาย : สาวตั๋วอ้าย ให้สาวตายเป็นลิงอีด่าง เด้อ

(ถ้าน้องโกหกพี่ขอให้น้องตายเป็นลิงอีด่าง)

เด็กหญิงหญิง : น้องสิเอาแท้ ๆ ให้พ่อแม่มาขอ หามื้อสันวันดี กล่าวอมเอาน้อง

(น้องตกลงใจจะแต่งกับพี่ ขอให้นำผู้ใหญ่มาสูขอ)

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

                                                    กุหลาบแดงกล่าวอำลากุหลาบแดง

เด็กชายชาย : เดิกค่อน ๆ กาเวาวอนฮ้องฮ่ำ ไก่ผู้โจ้นขันซั้นตื่นมา อ้ายลาก่อนเดอหล้า

สายตาคิ้วก่อง สิขอลาหม่อมน้องเมือบ้านต่าวคืน ก่อนแล้ว

(ดึกแล้ว พี่ขอลาน้องคนสวยกลับบ้าน ก่อนนะ)

เด็กชายชาย : พี่นี้คึดฮอดบ้านสิลาต่าวคืนเมือ ก่อนแล้ว ลาทังขันหมากแก้วเทิงโบกปูนทอง

ลาเทิงซองพลูเงินค่อยอยู่ดีเด้อเจ้า ลาเทิงเสาเฮือนดั้ง มีฝาบังอยู่อ่องต่อง ลาเทิงเฮือน ห้าห้องปักตูทองแป้นไม้ใหม่ ทั้งคันไดก่ายขึ้นเสาค้ำค่อยอยู่ดี

(พี่คิดถึงบ้าน ขอลากลับ ขอลาทั้งขันหมาก ตลับปูน ซองพลู เสาดั้ง ฝาบ้าน ประตู บันได เสาค้ำ ขอให้อยู่สุขสบายดี)

เด็กชายชาย : เดิกกะเดิกมาแล้วเสียงแมวฮ้องแหง่ว กับทั้งเสียงไก่แก้วขันซั้นฮุ่งมา อ้ายสิลาจากน้อง

ไปเสี่ยงความฝัน คันแม่นความฝันดีสิต่าวคืนมาคอบ

(ดึกแล้ว ได้ยินเสียงแมวร้อง ไก่ขันกระชั้นใกล้รุ่งสาง พี่ขอลาน้องเพื่อไปเสี่ยงความฝัน

ถ้าฝันดีก็จะกลับมาบอก)

เด็กชายชาย : เดิกค้อย ๆ ลมวอยหนาวหน่วง แสนเป็นห่วงนาถน้องใจสะบั้นสั่นสาย

บ่อยากพลัดพรากน้องเวรหากจ่องจำไป บ่อยากไกลสายคอซั่วยามยาวมื้อ

(ดึกแล้ว ลมหนาวพัดมา เป็นห่วงน้องมาก ไม่อยากพลัดพราก หากแต่กรรมเวรพาไป ไม่อยากจากไกลแม้ชั่วข้ามวันข้ามคืน)

เด็กชายชาย : คันบ่ได้จั่งเว้า อ้ายสิต่าวคืนเมือ เทื่ออ้ายมีบุญเหลือสิต่าวมาหาน้อง

(ถ้าไม่เป็นดั่งที่ตกลงกันไว้ พี่ก็จะกลับ หากมีบุญก็จะกลับมาหาน้องอีก)

ชาย : อ้ายพรากน้องคือนกเจ่าไกลหนอง คือยูงทองไกลดงบ่ห่อนหนีไปได้ คันสิไปสาแท้

กะโงคืนของเก่า นกเจ่าหนีไกลน้ำหนองเจ้าสิหม่นหมอง ยูงทองไกลดงกว้างบ่โงคืนฟ้า

สิผ่า อ้ายพรากน้องบ่คืนบ้านห่าสิกิน

(พี่จากน้องเหมือนนกยางกอกจากหนอง นกยูงจากดง คงกลับมาอีกแน่นอน)

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

                                              เกาะที่มีต้นปาล์มตัวอย่างสำนวนหญิงเกาะที่มีต้นปาล์ม

สาวขี้เล่นหญิง : ขออ้ายอย่าเอาขวัญน้องไปขีดหินสอ อย่าเอาขวัญน้องไปฮอหินแห่ แพรมนสี่แจให้อ้าย

เอาขอดอ้อมป้อม ถนอมไว้อย่ามาย อ้ายเอย

(ขอพี่อย่าทำในสิ่งที่ไม่ดีกับน้อง ให้ถนอมความรักของน้องตลอดไป)

สาวขี้เล่นหญิง : เจ้าผู้หมากผีผ่วนสุกฟากนา หมากพิลาสุกฟากน้ำ ก้านก่องเสน่หา สังสิป๋าน้องไว้หนีไป

ไกลเว้าชู้ใหม่ ส่างสิป๋าอีน้องไว้เป็นบ้าป่วงนำ แท้นอ

(เจ้าผู้ผลผีผ่วนสุกอยู่ฟากนาฟากน้ำเหลืองงาม ทำไมทิ้งน้องไปหาชู้ใหม่ ทำให้น้องเฝ้า

คิดถึงจนเป็นบ้า)

สาวขี้เล่นหญิง : อ้ายเอย น้องนี้คึดฮอดอ้ายกินข้าวบ่ลงคอ ย่านแต่มรณังตายย่อนพี่ซายแดดิ้น ยามกิน

คงสิฮ้องไห้หาพี่ซายทุกเซ้าค่ำ ยามนอนกะหลับบ่ได้ น้ำตาย้อยใส่หมอน คันอ้ายได้กิน

ซี้นให้อ้ายฝากนำกา พี่ได้กินปลาขอให้ฝากนำแฮ้ง ได้กินหมากให้อ้ายแก่งนำลม อ้ายเอย

(พี่เอย น้องคิดถึงพี่กินข้าวไม่ลงคอ กลัวว่าคงต้องตายเพราะพี่อย่างแน่นอน ร้องไห้ถึงพี่

ทุกเช้าค่ำ นอนไม่หลับ น้ำตาเปียกหมอน หากพี่ได้กินเนื้อให้ฝากมากับกา ได้กินปลาให้

ฝากมากับแร้ง ได้กินหมากให้ฝากมากับลม นะพี่)

สาวขี้เล่นหญิง : ค่อยเมือดีถ้อน สายสมรซู้เพิ่น เปิ่นเวิ่นหน้าอย่าลืมซู้ผู้คอย น้องอยู่ทางนี้สิคึดฮ่ำคะนิงหา

วาสนานางมีคงสิได้อยู่เคียงเฮียงซ้อน เมือเดิก ๆ ค่อนนอนกลางคืนให้อ้ายคึดฮอดน้องแน่

น้องสิ คึดฮอดอ้ายบ่วายเว้นว่างยาม ยามอ้ายคึดฮอดน้องให้เหลียวเบิ่งเดือนดาว สายตาเฮา

สิกล่อมกันอยู่เทิงฟ้า

(ค่อยกลับดีเถิดนะ คนดีชู้คนอื่น คนหน้าตาดีรูปหล่อ อย่าลืมชู้ผู้คอย น้องอยู่ทางนี้

ก็จะคิดถึงพี่เช่นกัน หากบุญญาวาสนามีคงได้เคียงคู่กัน กลับดึก ๆ ค่อนคืนให้พี่คิดถึง

สาวขี้เล่นน้องหน่อยนะน้องก็จะคิดถึงพี่ไม่วายเว้นทุกเวลา เวลาพี่คิดถึงน้องให้มองดูเดือนดาวแล้วสายตาของสองเราก็จะประสานกันอยู่บนฟ้านั่น)

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

                            กุหลาบแดงตัวอย่างผญาเกี้ยวที่มีครบทุกขั้นตอนกุหลาบแดง

เด็กชายชาย : สวัสดีเด้อหล้าขวัญตายอดสง่า พี่อยากมาเว้าเกี้ยวสิพอได้บ่ละนาง

(สวัสดีน้องสาว พี่อยากขอคุยด้วยได้ไหม)

เด็กหญิงหญิง : แม่นอ้ายลุกแต่ด้าวแดนถิ่นทางใด ใจประสงค์หยังน้อจั่งด่วนมาภายพี้

(พี่มาจากไหน มีใจประสงค์สิ่งใด จึงได้เดินทางมาที่นี่)

เด็กชายชาย : อ้ายนี้ลุกแต่ด้าวแดนถิ่นทางไกล ใจประสงค์คนงามจั่งด่วนมาหาน้อง

(พี่มาจากแดนไกล ใจประสงค์คนสวย จึงได้มาที่นี่)

เด็กหญิงหญิง : อ้ายเอยอย่ามาตี๋แถลงเว้าเอาเลามาปลูก บ่แม่นเซื้อซาดอ้อยกินได้กะบ่หวาน ดอกนา

(พี่อย่ามาแกล้งพูด เอาต้นเลามาปลูก ไม่ใช่อ้อยกินก็ไม่หวาน ดอกนะ)

เด็กชายชาย : อ้ายบ่ได้ตี๋แถลงหล่มบ่มีตมคาดลาดหมื่นดอกนา บ่ได้คาดลาดล้มเดือนห้าก่อนฝน

(พี่ไม่แกล้งพูด ดอกนะ ไม่ได้แกล้งลื่นล้มในเดือนหน้าแล้งก่อนที่ฝนจะตก)

เด็กหญิงหญิง : อ้ายเอย อย่ามาหวานปากหม้อพอล่อให้มดตาย หลายท้อน

(พี่เอย อย่ามาปากหวาน ล่อลวงให้มดตาย เลยนะ)

เด็กชายชาย : อ้ายอยากถามข่าวน้องถามข่าวเถิงปลา ถามข่าวนาถามข่าวเถิงข้าว ถามข่าวเจ้าว่ามีผัว

แล้วไป่ หือว่ามีแต่ซู้ผัวสิซ้อนแม่นบ่มี

(พี่ขอถามข่าวน้องถึงเรื่อง ข้าว ปลา และเรื่องคู่ครอง ว่าน้องมีคู่ครองหรือยัง)

เด็กหญิงหญิง : น้องนี้ปลอดอ้อยซ้อยเสมออ้อยกลางกอ กาบกะบ่ห่อหน่อน้อยกะบ่ซอน ซู้สิซ้อนผัวน้อง

กะบ่มี มีกะมีนั่นแหล่วแต่ยังเป็นลูกซายเพิ่น น้องกะคึดต่ออ้ายซายพี้สิว่าใด๋

(น้องนี้ยังปลอด บริสุทธิ์ ไม่มีสามี ไม่มีชู้ และก็หวังต่อพี่คนเดียว)

เด็กชายชาย : คันน้องเว้าจั่งซั่นกะสิบส่วนบุญสวน คันน้องไขทอยาสิจีกตองเลียลวบ

(ถ้าน้องพูดเช่นนั้นก็เป็นบุญของพี่ ถ้าน้องเปิดกระทอยาสูบพี่ก็จะฉีกใบตองกล้วยมาเลีย

เพื่อห่อยาสูบมาสูบทันที)

เด็กหญิงหญิง : คันอ้ายเว้าจั่งซั่นกะสิบส่วนบุญสวน คันแม่นบุญสวนมีสิปลูกปลีกินกล้วย

(ถ้าพี่พูดเช่นนั้นก็เป็นบุญของน้องเช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก สมปอง จันทคง วิทยานิพนธ์

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

หัวใจสีแดงผญ๋าเกี้ยวพาราสีโต้ตอบหนุ่มสาวหัวใจสีแดง

(คำที่ปรากฏออกสำเนียงตามภาษาอีสานครับ ไม่ได้พิมพ์ผิด)

เด็กชาย(ชาย).... สุขซำบายหมั้นเสมอมันเครือเก่าบ่นอ เทิงพ่อแม่พี่น้องซำบายถ้วนอยู่สู่คนบ่เด

เด็กหญิง(หญิง) .... น้องนี้ สุขซำบายหมั้น เสมอมันเครือเก่าอยู่ดอกอ้าย เทิงพ่อแม่พี่น้องซำบาย พร้อมสู่คน

เด็กชาย(ชาย).... อ้ายนี่อยากถามข่าวน้ำ ถามข่าวเถิงปลา ถามข่าวนา อยากถามข่าวเถิงเข้า อ้ายอยากถามข่าวน้องว่ามีผัวแล้วหรือบ่

หรือว่ามีแต่ซู้ ผัวสิซ้อนหากบ่มี

เด็กหญิง(หญิง).... โอนอ อ้ายเอย น้องนี้ปอดอ้อยซ้อยเสมอดั่งตองตัด พัดแต่เป็นหญิงมาบ่มี ซายสิมาเกี้ยว ผัดแต่สอนลอนขึ้นบ่มี

เครือสิเกี้ยวพุ่ม พผัดแต่เป็นตุ่มไม้เครือสิเกี้ยวกะบ่มี

เด็กชาย(ชาย).... น้องอย่ามาติแถลงเว้า เอาเลามาปลูก บ่แหม่นเซื้อซาติอ้อยกินได้กะบ่หวาน

เด็กหญิง(หญิง).... คันบ่จริงน้องบ่เว้า คันบ่เอาน้องบ่หว่า คันบ่แม่นท่า น้องบ่ไล่ควายลง ตีลงแล้ว ถอยคืนมันสิยาก มันสิลำบากน้องเทียวหยุ่งอยู่บ่เซา

เด็กชาย(ชาย).... อ้ายนี่เป็นดังอาซาไนม้า เดินทางหิวหอด มาพ้อน้ำส้างแล้วในถ้ำกะส่องดาย กลายไปแล้ว ผัดคืนมาก้มส่อง อยากกินกะกินบ่ได้

เลียลิ้นอยู่เปล่าดาย

เด็กหญิง(หญิง).... น้องนี้เป็นดังเฮือคาแก้ง เสาประดงคุงหาด หาผู้คึดซ่อยแก้ ให้หายฮ้อนกะบ่ม

0 ความคิดเห็น:





กำเนิดโยคะ [ Origins of YOGA ]


โยคะ เกิดขึ้นที่อินเดียเมื่อประมาณ 4 - 5 พันปีที่ผ่านมา เดิมจะเป็นการฝึกเฉพาะโยคีและชนชั้นวรรณะพราหมณ์
เพื่อเอาชนะความเจ็บป่วย ต่อมาโยคะได้พัฒนาผ่านลัทธิฮินดู มายุคพุทธศาสนา ถึงยุคลัทธิเซนในประเทศจีน
โดยแท้จริงแล้ว โยคะไม่ได้เป็นศาสตร์ของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แต่เป็นศาสตร์สากลที่ศาสนาต่าง ๆ สามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่ง
ในการปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดแห่งศาสนานั้น ๆ โยคะจึงเป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก โดยเฉพาะ หะฐะโยคะ( Hatha Yoga )
ซึ่งจัดว่าเป็น Modern Yoga ที่พัฒนามาจากการรวมแบบโยคะดั้งเดิม กับวิธีปฏิบัติของพระพุทธศาสนา



ความหมายของโยคะ [ Meaning Of YOGA ]

โยคะ หมายถึง การสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียว
หะฐะโยคะ (HATHA YOGA) เป็น 1 ในสาขาโยคะทั้งหมด หะฐะโยคะ จะใช้ศิลปการบริหารร่างกาย ภายใต้การควบคุมของจิตใจ
เกิดความสมดุลของพลังด้านบวกและด้านลบ โยคะจึงช่วยบรรเทาและบำบัดโรคได้
หะฐะโยคะ จึงเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนเห็นความสำคัญของ สุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี



โยคะท่าพื้นฐาน

ท่านมัสการ




ความหมาย


• นมัสการ หมายถึง ทำความเคารพ



วิธีปฏิบัติ


• ยืนหันหน้าไปทางพระอาทิตย์ เท้าชิด พนมมือ

• หายใจเช้าและยกแขนขึ้น ค่อยๆ เอนตัวไปข้างหลัง ยื่นแขนเหนือศีรษะ

• หายใจออกช้าๆ เอนตัวไปข้างหน้า ให้มือที่พนมอยู่สัมผัสพื้นจนกระ ทั่งมืออยู่ในแนวเดียวกับเท้าศีรษะสัมผัสหัวเข่า

• หายใจเข้า ก้าวเท้าขวาถอยหลังมา 1 ก้าว ให้มือและเท้า ยังคงอยู่กับพื้น เท้าซ้ายอยู่ระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• ขณะหายใจออก ยกเท้าซ้ายเข้ามาชิดเท้าขวา แขนตรงยกสะโพกขึ้นให้ศีรษะ และแขนอยู่ในแนวเดียวกัน ทำท่าเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าและค่อยๆ ลดสะโพกลงมาที่พื้น (ให้สะโพกอยู่เหนือพื้นเล็กน้อย) ก้มตัวลงไปข้างหลังให้มากที่สุด

• หายใจออก และลดตัวลงมาที่เท้า เข่า มือ และอก สัมผัสพื้น

• หายใจเข้า และค่อยๆยกศีรษะขึ้น เงยศีรษะไปข้างหลังให้ได้มากที่สุด และโค้งกระดูกสันหลังไปให้ได้มากที่สุด เหมือนท่านาคอาสนะ

• ขณะหายใจออกช้าๆ และให้แขนอาสนะ ยกสะโพกขึ้น และให้ศีรษะอยู่ในแนวเดียวกับแขน ทำเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าช้าๆ และงอเข่าซ้าย ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มือยังคงอยู่ที่พื้น วางเท้าซ้ายลงบนพื้นระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• หายใจออกช้าๆ ให้มืออยู่ที่เดิม ดึงเท้าทั้งสองเข้ามาชิดกัน ให้อยู่แนวเดียวกับมือถ้าเป็นไปได้ ให้ศีรษะสัมพันธ์กับหัวเข่า

• หายใจเข้าช้าๆ และยกแขนขึ้น ค่อยๆเอนตัวไปข้างหลัง โดยยื่นแขนขึ้นเหนือศีรษะ ย้อนกลับไปตำแหน่งยังข้อ 1



ท่าชวังคอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต ชว หมายถึง ทั้งหมด หรือ ทุกๆ อังคะ หมายถึง ร่างกาย ชวังคะ จึงหมายถึง ทำทั้งร่างกาย

ที่เรียกเช่นนี้เพราะเป็นท่าที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายทุกส่วน ท่านี้มักเรียกกันว่า ท่ายืนบนไหล่

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงายในท่า ศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำลงบนพื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้นขณะงอเข่าและดึงเข่าเข้ามาที่ท้อง หายใจออก

• หายใจเข้าช้าๆ กดฝ่ามือลง ยกลำตัวตั้งแต่ส่วนเอวขึ้นจากพื้น งอกระดูกสันหลังไปข้างหลัง และทำท่อนแขนให้ตรง ให้สะโพกอยู่บนพื้น

• หายใจเข้าแล้วในขณะหายใจออก ให้ยกขาตั้งฉากกับพื้น อาจใช้มือพยุงสะโพกไว้ หรือวางแขนไว้ลงกับพื้นตามถนัด

• ขาดชิด เข่าตรง นิ้วเท้าชี้ขึ้น ศีรษะตรงไม่หันไปด้านใดด้านหนึ่ง เก็บคางให้ชนหน้าอก

• หายใจเข้า ออก ช้าๆ ขณะคงท่านี้ไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 6 จนกลับสู่ท่าศพอาสนะ



ท่าตรีโกณอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ตรี ในภาษาสันสกฤตหมายถึง สาม โกณ หมายถึง เหลี่ยมหรือมุม

ดังนั้น ท่านี้จึงเรียกว่า ท่าสามมุม หรือท่าสามเหลี่ยม

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิดแขนแนบลำตัว

• แยกเท้าออกจากกัน ให้ระยะห่างมากกว่าหนึ่งช่วงไหล่เล็กน้อย

• หายใจเข้าและยื่นแขนทั้งสองข้างออกให้ขนานกับพื้น ฝ่ามือคว่ำลง

• หายใจออกช้าๆ หันลำตัวไปทางซ้าย งอตัวที่ช่วงเอว ให้มือขวาลงไปที่แข้งซ้าย ฝ่ามือขวา วางไว้ข้างนอกของหน้าแข้งซ้าย

แขนซ้ายควรยื่นออกไปด้านบนขาและแขนทั้งสองข้างตรง โดยไม่ต้องงอเข่าและข้อศอก


• หันศีรษะขึ้นไปทางซ้าย มองไปที่ปลายนิ้วมือซ้าย หายใจเข้า และกลับไปสู่ท่าเดิม คือท่ายืน ให้แขนกางออก

• คงท่านี้ไว้ เท่ากับช่วงหายใจออก หายใจออกและทำซ้ำ ขั้นตอนที่ 4-7 สลับซ้าย



ศีรษะอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ศีรษะ หมายถึง หัว ในภาษาสันสกฤต ท่านี้คือ ท่ายืนด้วยศีรษะ ซึ่งได้รับความนิยมมากในการฝึกอาสนะ ไม่แพ้ท่าปทมอาสนะ

ด้านบนคือภาพโมกุลในศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นภาพโยคีขณะทำท่าศีรษะอาสนะ

วิธีปฏิบัติ


• นั่งคุกเข่า ให้สะโพกอยู่บนส้นเท้า

• เอนตัวไปข้างหน้า วางแขนลงบนพื้น ให้ศอกห่างกัน 1 ช่วงไหล่ ประสานนิ้วมือเข้าไว้ด้วยกัน

• วางศีรษะลงบนพื้น ให้ท้ายทอยสัมผัสมือที่ประสานไว้

• ให้ปลายเท้าจิกพื้น ขณะยกส้นเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น

• คงท่านี้ไว้เป็นระยะเท่ากับการหายใจเข้า ถ้าไม่สามารถกลั้นหายใจได้ ให้ค่อยๆ หายใจออก และนอนราบกับพื้น กางขาออก กลับไปสู่ท่าศพอาสนะ



หลอาสนะ



ความหมาย

• หล แปลว่า คันไถ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย แบบท่าศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำที่พื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้น งอเข่าเข้ามาจรดท้องขณะหายใจออก

• หายใจเข้า ขณะหายใจออกให้ยกขาขึ้นตั้งฉากกับพื้น คุณอาจใช้มือพยุงสะโพก หรือวางแขนราบไปกับพื้นแล้วแต่ถนัด

• หายใจออก แล้วยกขาขึ้นเหนือศีรษะ งอขาตั้งแต่ช่วงเอวลงมา ยกหลังและสะโพก จนนิ้วเท้าสัมผัสพื้นด้านหลังของศีรษะ รักษาเท้าให้ชิดกัน

หากใช้มือพยุงหลังให้ลองวางแขนราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง ถ้าไม่สามารถวางแขนลงที่พื้นได้ให้ใช้มือพยุงหลังส่วนล่างไว้


• เข่าตรง หายใจช้าๆ และคงท่านี้ไว้สักครู่ ถ้านิ้วเท้าสัมผัสพื้นไม่ได้ ก็พยายามให้นิ้วเท้าอยู่ต่ำที่สุด

• ทำท่าย้อนกลับตั้งแต่ข้อ 5 ถึง 1 จนกลับไปสู่ท่าศพอาสนะเหมือนเดิม




ธนูอาสนะ




ความหมาย

• คำว่าธนู ในภาษสันสกฤต หมายถึง มีรูปร่างเหมือนคันศร โค้ง หรือ งอ คันศร

ในที่นี้หมายถึง คันศรที่ใช้กับลูกธนู ท่าอาสนะนี้ มีชื่อแบบนี้เนื่องจาก ร่างกายมีท่าทางคล้ายคันศรที่โก่งพร้อมยิงธนู

วิธีปฏิบัติ


• นอนคว่ำหน้าไปข้างใดข้างหนึ่ง แขนราบไปกับลำตัว หงายฝ่ามือขึ้น

• หันหน้ามาเพื่อวางคางไว้บนพื้น หายใจออก งอเข่า เอื้อมแขนไปข้างหลัง จับข้อเท้าขวาไว้ด้วยมือขวา จับข้อเท้าซ้ายด้วยมือซ้าย

• ขณะหายใจเข้า ค่อยๆ ยกขาขึ้นโดยดึงข้อเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น และยกอกขึ้นจากพื้นในเวลาเดียวกัน

กลั้นลมหายใจเข้าเอาไว้ ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนหน้าท้อง


• ยื่นศีรษะให้ไกลที่สุด คงท่านี้ไว้ขณะกลั้นหายใจ

• หายใจออกช้าๆ วางเข่าลงบนพื้น ปล่อยข้อเท้า ค่อยๆ วางขาและแขนลงบนพื้น หันหน้าไปข้างหนึ่ง ทำเหมือนท่าเริ่มต้น



ท่าพิจิกอาสนะ



ความหมาย

• ท่าพิจิกหรือท่าแมงป่อง ในท่านี้ ร่างกายจะดูเหมือนแมลงป่อง ที่ยกหางโค้งขึ้นเหนือหัว พร้อมจะต่อยคู่ต่อสู้

แม้ท่านี้จะดูยากสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ก็ไม่ยากเกินไปนัก

วิธีปฏิบัติ


• คุกเข่าลงที่พื้น โน้มตัวไปข้างหน้า วางศอกและแขนด้านในราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง แขนควรห่างกันประมาณ 1ช่วงไหล่

• ยื่นศีรษะไปข้างหน้าและยกให้สูงที่สุด

• ยกสะโพกขึ้น วางเท้าให้มั่นคง

• หายใจเข้าและแกว่งขาขึ้นไปเหนือศีรษะ รักษาสมดุลของร่างกายไว้ ยกขาตรงขึ้นเหนือศีรษะ

• ค่อยๆ งอเข่าและปล่อยขาลงมาทางด้านศีรษะ ระวังอย่าเคลื่อนไหวเร็วเกินไป และอย่าทิ้งขาลงไปไกลเกินไปขณะรักษาสมดุลของร่างกายไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 5 จนกลับไปสู่ท่าคุกเข่า

* ข้อควรระวัง ไม่ควรลองท่าแมงป่อง จนกว่าคุณจะสามารถทำท่าที่ต้องใช้สมดุลของร่างกายอื่นๆ และไม่เหมาะกับสตรีมีรอบเดือน



ท่าพฤกษอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต พฤกษะหมายถึง ต้นไม้ ท่านี้จึงเรียกว่าท่าต้นไม้

"ยืนตรงบนขาซ้าย งอขาขวาและวางขาขวาไว้บนโคนขาซ้าย ยืนเหมือนต้นไม้ ยืนอยู่บนพื้นดิน นี่คือท่าพฤกษอาสนะ"

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิด แขนแนบลำตัว

• งอเข่าขวา ยกต้นขาขวา และยก ส้นเท้าขวาไปบนต้นขาซ้ายด้าน ในให้โกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

• ทรงตัว บนเท้าซ้าย ยกแขนทั้งสอง ข้างขึ้นเหนือศีรษะ อย่าให้ข้อศอกงอ และให้ฝ่ามือประชิดกัน

คงท่านี้ไว้ขณะค่อยๆ หายใจ ประมาณ 10 ช่วงหายใจเข้าออก


• ลดแขนและขาขวาลง และกลับไปสู่ตำแหน่งในข้อ 1 คือการยืนหน้าชิด แขนแนบลำตัว หยุดพักสักครู่ และทำซ้ำด้วยขาข้างหนึ่ง



ศพอาสนะ



ความหมาย

• ความหมาย คำว่า ศพ ในภาษาสันสกฤต หมายถึง ร่างที่ตายไปแล้ว

"การนอนลงที่พื้นเหมือนศพ เรียกว่า ศพอาสนะ ช่วยกำจัดความเหนื่อยล้าและให้จิตใจได้พักผ่อน" จากหัตถโยคะปฏิบัติ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย อย่าให้ขาแตะกัน แขนราบไปกับลำตัว ฝ่ามือหงายขึ้น

• หลับตาลง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ

• งอข้อศอก วางฝ่ามือบนพื้นใต้ไหล่ ให้นิ้วชี้ไปด้านหลัง

• มุ่งความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนของร่างกาย จากหัวถึงเท้า แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายทีละส่วน

• คงท่านี้ไว้ 10-15 นาที หากรู้สึกง่วงนอนขณะทำท่านี้ ให้หายใจเร็วและลึกขึ้น

• ครั้งแรกที่ฝึก ให้คงท่าศพอาสนะไว้ 10 หรือ 15 นาที กลับมาทำซ้ำเป็นระยะๆ ในช่วงฝึกท่าต่างๆ เพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นร่างกาย / จิตใจ

คำแนะนำ

บางคนคิดว่าท่านี้ง่ายมาก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น จุดประสงค์ของศพอาสนะ คือ ให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย

นอกจากร่างกายจะต้องนิ่งและผ่อนคลายแล้ว จิตใจยังต้องนิ่งราวกับผิวน้ำที่ปราศจากการรบกวนอีกด้วย

ผลที่ได้คือการผ่อนคลายอย่างล้ำลึกและนิ่ง อันจะส่งผลให้เกิดสมาธิต่อไป

การฝึกศพอาสนะนั้นต้องใช้เวลา การกำหนดความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนและ กำหนดลมหายใจล้วนแต่มีประโยชน์ต่อการฝึกท่านี้อย่างยิ่ง

อุปสรรค 2 อย่างที่อาจลดคุณค่าการฝึกศพอาสนะ ก็คือ ความง่วงและจิตใจที่ฟุ้งซ่าน หากรู้สึกง่วงขณะฝึก ให้กำหนดลมหายใจให้ลึกขึ้น

หากจิตใจไม่นิ่ง ให้มุ่งความสนใจไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย กำหนดจิตไปที่พื้นหรือที่จังหวะลมหายใจของคุณเอง

การฝึกศพอาสนะควรทำก่อนและหลังการฝึกอาสนะเป็นประจำ


ข้อมูลจาก
Practice 01





------------------------------------------------------------------------------

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons